กรุงเทพ – 10 กรกฎาคม 2563 - บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ประกาศความสำเร็จด้วยการครองตำแหน่ง แบรนด์ที่มียอดขายอันดับหนึ่งในกลุ่มรถ SUV ด้วยยอดขายเดือนมิถุนายนที่สูงถึง 1,233 คัน และมียอดขายสะสม 6 เดือน รวมกว่า 7,131 คัน จากความมุ่งมั่นในการพัฒนาและนำเสนอ “สิ่งที่ดียิ่งกว่า” เพื่อให้ลูกค้าได้รับคุณค่าและประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้น
บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยยอดขายในเดือนมิถุนายนและยอดขายสะสม 6 เดือนที่ผ่านมา โดยเอ็มจีมียอดขายรถยนต์ในกลุ่ม SUV ในเดือนมิถุนายนสูงถึง 1,233 คัน สามารถครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในกลุ่มรถ SUV โดยยอดขายระหว่างเดือนมกราคม – มิถุนายน 2563 หรือช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา เอ็มจี มียอดจำหน่ายสะสมรวมสูงถึง 7,131 คัน ครองตำแหน่งยอดขายสูงสุดในกลุ่มรถ SUV ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 23% โดยแบ่งเป็นยอดขาย MG ZS จำนวน 4,345 คัน MG HS จำนวน 2,564 คัน MG ZS EV จำนวน 191 คัน และ MG GS จำนวน 31 คัน
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ยอดขายดังกล่าวสามารถสะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ หากพิจารณาความสำเร็จรายรุ่น พบว่าจุดที่ครองใจลูกค้าอยู่ที่ความคุ้มค่าคุ้มราค และความโดดเด่นเฉพาะตัวของแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็น NEW MG ZS “SMART UP” ถือเป็น SUV รุ่นยอดนิยมที่ยกระดับความสมาร์ท พร้อมตอบสนองการใช้งานในทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างลงตัว ในราคาจำหน่ายเพียง 689,000 – 799,000 บาท และสำหรับ NEW MG HS รถรุ่นนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าโดยมียอดจำหน่ายสะสมระหว่างเดือนตุลาคม 2562 - มิถุนายน 2563 รวม 4,567 คัน ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่ม ด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันภายใต้แนวคิด “ELEGANCE” ซึ่งนอกจากจะมีดีไซน์ที่สวยงามลงตัวทั้งภายนอกที่โฉบเฉี่ยว และภายในที่หรูหราเหนือระดับแล้ว ยังมีสมรรถนะ ฟังก์ชั่นและระบบความปลอดภัยที่โดดเด่นและให้มากกกว่ารถยนต์ในกลุ่มเดียวกัน (C-SUV) ในราคาจำหน่ายเพียง 919,000 – 1,190,000 บาท NEW MG HS เป็นรถที่มีความคุ้มค่าที่สุดในกลุ่ม และสามารถตอบสนองกับทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี จึงทำให้สามารถกวาดยอดขายสะสมเป็นอันดับหนึ่ง เป็นระยะเวลากว่า 9 เดือนตั้งแต่เดือนตุลาคมเมื่อปีที่ผ่านมา”
“ตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี ที่เอ็มจีเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นของตลาดรถอเนกประสงค์ (SUV) ในเมืองไทยเรานำเสนอยนตรกรรมที่ดีที่สุดและมาพร้อมความคุ้มค่าโดยคำนึงถึงประโยชน์และคุณค่าที่ผู้บริโภคจะได้รับมากที่สุด เพื่อยกระดับการแข่งขันในตลาดรถอเนกประสงค์ให้มีความคึกคักมากขึ้น และในอนาคต เอ็มจีมีความตั้งใจที่จะนำเสนอสุดยอดยนตรกรรมที่มีความล้ำสมัย และคุ้มค่า ไม่เพียงแต่กลุ่มรถอเนกประสงค์เท่านั้น แต่ยังจะครอบคลุมรถยนต์ทุกกลุ่มในประเทศไทย และจะยังมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างตรงจุด และมอบความคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อทำให้เอ็มจีเป็นแบรนด์ที่ได้รับความไว้วางใจ และสามารถครองใจผู้ใช้รถชาวไทยได้สำเร็จในระยะยาว” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
NEW MG ZS มาพร้อมความโดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ที่โฉบเฉี่ยว สปอร์ตและยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจีได้อย่างครบถ้วน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ทำงานควบคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT 8 สปีด ซึ่งทำให้การตอบสนองต่อการขับขี่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อำนวยความสะดวกด้วย หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้วดีไซน์ใหม่ (Digital Multi-Function Display) และหน้าจอ touch screen ขนาดใหญ่ 10 นิ้ว พร้อมหลังคาซันรูปพาโนรามาขนาดใหญ่ (Panoramic Sunroof) รวมไปถึงระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นใหม่ Emergency Call ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีเมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงาน ด้วยการโทรและส่งข้อความระบุพิกัดรถไปยังเบอร์โทรที่ได้มีการตั้งค่าไว้ เพิ่มโอกาสการรับความช่วยเหลือในเวลาฉุกเฉิน รวมทั้งมีระบบความปลอดภัยที่ให้มากกว่าเดิมทั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา (Around View Monitor) และระบบความปลอดภัยอื่นๆ อย่างครบครัน ในราคาจำหน่ายเพียง 689,000 – 799,000 บาท
และสำหรับ NEW MG HS มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า พร้อมเพิ่มความสนุกในการขับขี่ด้วยปุ่ม Super Sport โหมดการขับขี่ที่จะดึงพละกำลังขั้นสุด อีกทั้งยังมีการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบครัน อาทิ หน้าจอแสดงผลที่มาตรวัดแบบ Interactive Multi – Function Display ขนาด 7 นิ้ว พร้อมหน้าจอหลักแบบ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่รองรับการสั่งการด้วยเสียงภาษาไทย ไฟห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่สามารถปรับโทนแสงได้มากถึง 64 เฉดสี พร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ถึง 1.1 ตารางเมตร รวมไปถึงระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปมากถึง 25 ระบบ ประกอบไปด้วย ระบบ Synchronized Protection System ที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรกและช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ 14 ระบบ และระบบ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ ที่จะช่วยควบคุมการขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ อีก 11 ระบบ
No comments:
Post a Comment