กรมควบคุมโรค และร.พ.รามาธิบดี ร่วมตรวจสอบกรณีหญิงไทยตรวจสุขภาพพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ขณะเตรียมตัวจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ - Thailand Times

Breaking

Post Top Ad

Wednesday, 19 August 2020

กรมควบคุมโรค และร.พ.รามาธิบดี ร่วมตรวจสอบกรณีหญิงไทยตรวจสุขภาพพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ขณะเตรียมตัวจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ


กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรค และ ร.พ.รามาธิบดี ร่วมดำเนินการตรวจสอบกรณีหญิงไทย 2 ราย ตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ก่อนจะเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ ขณะนี้ได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อตรวจสอบและให้คำแนะนำแก่ผู้อยู่ใกล้ชิดในครอบครัวและชุมชนแล้ว 

วันนี้ (19 สิงหาคม 2563) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และรศ.นพ.สุรศักดิ์ ลีลาอุดมลิปิ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่าพบหญิงไทยตรวจพบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ขณะเตรียมตัวเดินทางไปทำงานต่างประเทศ นั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลเบื้องต้นว่า ตามที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ทำการตรวจสุขภาพหญิงไทย 2 ราย อายุ 34 และ 35 ปี ซึ่งมาขอใบรับรองแพทย์ประกอบการเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ โดยมีการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทางห้องปฏิบัติการ และผลพบสารพันธุกรรมในปริมาณน้อย       จากข้อมูลการสอบถามทั้งสองรายนี้ ไม่มีไข้ ไม่มีอาการป่วยทางเดินหายใจ และอยู่ระหว่างการส่งตัวอย่างตรวจยืนยันด้วยวิธีการเพาะเชื้อ เพื่อประกอบการสรุปผลการวินิจฉัยต่อไป โดยขณะนี้ทั้งสองรายอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาล โดยได้แจ้งข้อมูลให้กับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ทราบและตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม 

รศ.นพ.สุรศักดิ์ ให้ข้อมูลว่ารายแรก เป็นเพศหญิง อายุ 34 ปี เคยทำงานที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางกลับมาไทยเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 63 ไม่มีอาการ เข้ากักตัวที่สถานกักกันที่ราชการกำหนด 2 สัปดาห์ ทำการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ครั้งที่ 1 วันที่ 5 มิ.ย. ตรวจพบสารพันธุกรรมปริมาณน้อย สรุปผลการตรวจหาเชื้อกำกวม (Inconclusive result) และตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 13 มิ.ย. ผลไม่พบเชื้อ เมื่อกักกันครบ 2 สัปดาห์ ได้รับอนุญาตเดินทางกลับภูมิลำเนา จังหวัดชัยภูมิ และพักแยกตัวจนครบ 30 วัน ต่อมาในวันที่ 17 ส.ค. 63 เตรียมตัวเดินทางต่างประเทศ จึงได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 ที่ร.พ.รามาธิบดี ผลการตรวจวันที่ 18 ส.ค. 63 พบสารพันธุกรรมของเชื้อโควิด 19 ในปริมาณน้อย และเจาะเลือดตรวจพบภูมิคุ้มกัน ขณะนี้แพทย์รับไว้ดูแลในโรงพยาบาล จึงสรุปว่าเป็นผู้ติดเชื้อรายเดิมที่พบซากเชื้อและเคยอยู่ในสถานที่กักกันจนครบกำหนดแล้ว 

ส่วนในรายที่ 2 เป็นเพศหญิง อายุ 35 ปี เคยทำงานที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เดินทางกลับไทยเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 63 เข้ากักตัวที่สถานกักกันที่ราชการกำหนดนาน 2 สัปดาห์ ทำการตรวจหาเชื้อ 2 ครั้ง ไม่พบเชื้อ จึงได้รับอนุญาตเดินทางกลับภูมิลำเนา จังหวัดเลย จากนั้นวันที่ 16 ส.ค. 63 เดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยรถยนต์ส่วนตัว เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปทำงานต่างประเทศ และในวันที่ 18 ส.ค. 63 ได้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด 19 พบสารพันธุกรรม ขณะนี้ทางร.พ.รามาธิบดี ได้ติดตามนำตัวมาไว้ดูแลที่โรงพยาบาลแล้ว จากข้อมูลทางระบาดวิทยาคาดว่ามีโอกาสที่จะเป็นการติดเชื้อในประเทศได้น้อยมาก อย่างไรก็ตาม ต้องทำการตรวจสอบโดยกระบวนการเดียวกับรายแรก เมื่อได้ผลเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบต่อไป  

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า หลังจากได้รับรายงานในเรื่องนี้ ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค ของกรมควบคุมโรค ได้ทำการสอบสวนเบื้องต้นเพื่อให้ได้ประวัติเสี่ยง และผู้อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงสองรายนี้ ขณะนี้ได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อค้นหาและติดตามตัวผู้อยู่ใกล้ชิดในครอบครัวและชุมชน พร้อมสอบสวนเพิ่มเติมและแนะนำให้เฝ้าระวังอาการ ปฏิบัติตัวป้องกันโรค ต่อไป  ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีระบบเข้มแข็ง และเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนกำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อสอบสวนและควบคุมโรคดังกล่าว และขอให้ประชาชนดูแลป้องกันตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดต่อเนื่องเช่นเดิม “สวมหน้ากาก ล้างมือ แยกของใช้ เว้นระยะห่าง ลดแออัด" หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422


No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages