วันนี้ (27 ตุลาคม 2563) เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมริเวอร์ไซด์ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดโครงการสนับสนุนการพัฒนาครูและเด็กนอกระบบการศึกษาสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมีนายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ศาสตราจารย์ วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ดร.วีระเทพ ปทุมเจริญวัฒนา ที่ปรึกษาโครงการสนับสนุนการพัฒนาครูและเด็กนอกระบบการศึกษา นายสุพจน์ จิตร์เพ็ชร์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและพัฒนาการจัดการศึกษาท้องถิ่น ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้อำนวยการสำนัก/กองการศึกษา จาก อปท.ทั่วประเทศ ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
อธิบดี สถ. กล่าวว่า โครงการดังกล่าว กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ร่วมกับ กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา กลุ่มเด็กด้อยโอกาสได้รับความช่วยเหลือดูแลอย่างเหมาะสมในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) มีโอกาสเข้ารับการเรียนรู้ และพัฒนาทักษะอาชีพได้ตามความศักยภาพและความต้องการ เพื่อเพิ่มศักยภาพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างมีคุณภาพและเหมาะสม ไปจนถึงเพื่อพัฒนาเครือข่ายการเรียนรู้และระดมความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา ขณะนี้ มี อปท. เข้าร่วมโครงการ จำนวน 61 แห่ง ครอบคลุม 43 จังหวัด
นายสุภกร บัวสาย ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา(กสศ.) กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการที่ทำยากที่สุด เพราะเด็กนอกระบบการศึกษาเป็นกลุ่มที่สำรวจยาก มีหลากหลายกลุ่ม และไม่ได้ขึ้นทะเบียน คาดว่ามีประมาณหลายแสนคน สถ.และกสศ.จึงร่วมกันทำโครงการเพื่อบุกเบิกสำรวจเด็กกลุ่มนี้เพื่อเข้าช่วยเหลือ จากการสำรวจพบเด็กหลุดนอกระบบการศึกษาในสังกัดอปท.ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กเร่ร่อน ติดตามพ่อแม่ไปทำงานตามที่ต่างๆ เป็นกลุ่มเด็กฮาร์ดคอร์ ซึ่งยูเนสโก้เคยทำวิจัยและสำรวจ พบว่า ถ้าผลักดันเด็กให้กลับมาสู่ระบบการศึกษาภาคปกติอาจไม่ได้ผล ดังนั้นต้องหาวิธีดูแลตามบริบทของเด็กและตามบริบทของพื้นที่
“เบื้องต้นกสศ.ได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ หากช่วยแล้วได้ผล จะขยายไปสู่ความช่วยเหลือเด็กอีกหลายแสนคนต่อไปทันที นอกจากนี้ กสศ.ยังได้ช่วยเหลือ
และสนับสนุนครู พัฒนาการทำงานให้มีศักยภาพ มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพ ทั้งนี้ความร่วมมือครั้งนี้ ได้วิจัยไปพร้อมกับการลงมือช่วยเหลือเด็ก ซึ่งจะตอบโจทย์ในแง่ของระบบเพื่อนำไปอ้างอิงต่อรัฐบาลและกระทรวง หากมีความชัดเจนและเห็นผลก็จะขยายสู่ระดับนโยบายต่อไป” นายสุภกร กล่าว
No comments:
Post a Comment