ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.ธัญบุรี) ร่วมลงนามความร่วมมือระหว่าง มทร.ธัญบุรีกับภาคีชุมชน บริษัทเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น โรงแรม บุราภัฏ รีสอร์ท โรงแรมอมตะ ลันตา รีสอร์ท และแถลงผลสำเร็จการดำเนินโครงการนวัตกรรมการตลาด เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน
ผศ.ดร.สมหมาย ผิวสอาด อธิการบดี มทร.ธัญบุรี เผยว่า โครงการดังกล่าวเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากนวัตกรรม การวิจัยและการบริการวิชาการ สร้างคุณค่าจากผลิตภัณฑ์ และเผยแพร่องค์ความรู้ ก่อให้เกิดรายได้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน โดยทาง มทร.ธัญบุรี มีการผลักดันและสนับสนุนงานวิจัยในทุกภาคส่วน มีการหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบภารกิจด้านการวิจัย และการถ่ายทอดเทคโนโลยีและด้านอื่น ๆ อย่างครอบคลุม ซึ่งได้ดำเนินการตามนโยบายมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยเข้าสู่มหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรม (Innovation University) ภายใต้กรอบแนวคิดเชิงนวัตกรรม ด้วยการปลูกฝังการใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาหรือประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อสังคม เศรษฐกิจ รวมทั้งตอบสนองความต้องการของภาคประชาชน สามารถนำงานวิจัยต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้จริงและมีคุณภาพ ทางมหาวิทยาลัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความร่วมมือเช่นนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อร่วมกันพัฒนาและขยายตลาดให้กับชุมชน และเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถการแข่งขันของชุมชนด้วยงานวิจัย พัฒนาประสิทธิภาพของผู้ประกอบการให้ทันต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ทางด้าน ผศ.ดร.สลิตตา สาริบุตร อาจารย์ประจำสาขาวิชาการตลาด คณะบริหารธุรกิจ ทีมผู้วิจัย โครงการวิจัยดูดซับพื้นที่ (ทุนวิจัย สกสว.) ภายใต้ “โครงการนวัตกรรมการตลาด เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงนวัตกรรมสู่ชุมชนอย่างยั่งยืน เผยว่า ตามที่ทางมหาวิทยาลัยได้ดำเนินโครงการวิจัยเป็นระยะเวลา 9 เดือน ซึ่งทีมผู้วิจัยได้ดำเนินงาน ในเรื่องของการวิเคราะห์และศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ (Feasibility Study) โดยคณะผู้วิจัยเลือกทำการศึกษาคือชุมชน 3 ชุมชนที่มีศักยภาพ ได้แก่ 1. วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์จากถ่านไม้ไผ่ “บันตัน” 2. ชุมชนเกษตรแปลงใหญ่ไผ่เขียว ผลิตหน่อไม้ต้ม 3. ชุมชนเกษตรแปลงใหญ่ไผ่ตำบลทุ่งโพธิ์ ผลิตหน่อไม้ดองน้ำมะพร้าว (ต่อยอดจากงานวิจัยของคณะวิทยาศาสตร์) ผู้ปลูกไผ่ในจังหวัดปราจีนบุรี เป็นคนกลางในการรับซื้อผลิตภัณฑ์จากชุมชนเพื่อนำมาจัดจำหน่าย ผ่านศูนย์บริการด้านนวัตกรรมและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มทร.ธัญบุรี โดยใช้ O2O Model (O2O Model คือโมเดลการพัฒนาช่องทางทั้งรูปแบบ online และ offline เพื่อสร้างช่องทางการจำหน่ายที่ครอบคลุมลูกค้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ) สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อผลักดันยอดขาย คือ Mobile Application “ishop” และ Website: www.ishop.rmutt.ac.th สร้าง Content บนสื่อ Social ต่างๆ หลายร้อย content ทดลองเพิ่มรูปแบบการดำเนินงานใหม่ๆ เช่น ทำอาหาร Delivery เมนูจากหน่อไม้ ขยายร้านค้าให้เพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ให้แก่นักศึกษาและบุคลาการ ผ่านการเป็นตัวแทนจำหน่าย
“ทางทีมวิจัยได้ทดลองสร้างโมเดล 20:10 ขึ้นมา โดยราคาสินค้าที่รับมาจากชุมชนจะถูกบวกเพิ่ม ร้อยละ 30 และนำมาจัดสรรให้แก่ นักศึกษาและบุคลากรที่รับสินค้าไปจำหน่าย ร้อยละ 20 นำเข้าศูนย์บริการด้านนวัตกรรมและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มทร.ธัญบุรี เพื่อใช้ในการบริหารจัดการ ร้อยละ 10 ผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับการดำเนินงาน (ระยะเวลาดำเนินการ 9 เดือน ระยะเวลาในการขายสินค้า 3 เดือน) สามารถสร้างยอดขาย ได้ 218,552 บาท รายได้กลับคืนสู่ชุมชน 152,986 บาท ช่วยสร้างรายได้แก่นักศึกษา 23,874 บาท และรายได้เข้าศูนย์บริการด้านนวัตกรรมและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ มทร.ธัญบุรี 41,691บาท”แม้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา จะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน แต่ถือเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกที่สำคัญ เพราะการมองเห็นรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ชุมชนมีความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะก้าวไปพร้อมกับเรา...และเราจะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้ เราได้เตรียมวางแผนการพัฒนาและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนเพื่อสร้างความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนามาตรฐานผลิตภัณฑ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ร่วมกับคณะต่างๆ เช่น คณะวิทยาศาสตร์ วิทยาลัยแพทย์แผนไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้มากขึ้น การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย การคัดสรรผลิตภัณฑ์นวัตกรรมชุมชนเพื่อนำเข้าสู่ Application ishop ให้มากขึ้น การจัดทำ MOU กับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางในการจัดจำหน่าย การมุ่งส่งเสริมการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ พร้อม ๆ กับการเสริมสร้างรายได้ในแก่นักศึกษา ตลอดจนองค์กรที่ใช้ขับเคลื่อนจะต้องอยู่ได้อย่างมั่นคง เช่นกัน อธิการบดี มทร.ธัญบุรี กล่าวทิ้งท้าย
No comments:
Post a Comment