บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด เกิดจากความร่วมมือการจัดตั้งโดย บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ผู้ให้บริการด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจรอันดับหนึ่งจากประเทศฝรั่งเศส และ บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาและจัดการด้านนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการอย่างครบวงจรกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ชลบุรี และนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ระยอง ซึ่งในปีนี้ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจมาแล้ว 5 ปี โดยในปีแรกมีมูลค่าสัญญาอยู่ที่ 15 ล้านบาท และในการดำเนินงานในปีที่ 5 นี้มีรายได้อยู่ที่ 165 ล้านบาท และมีพนักงานให้บริการมากกว่า 600 คน
มร. อาร์โนด์ เบียเลคกิ ประธานบริหาร บริษัท โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า “ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการแบบครบวงจรที่ครอบคลุมธุรกิจที่หลากหลายใน 64 ประเทศทั่วโลก ในระยะเวลา 54 ปีทั่วโลก และ 16 ปี ในประเทศไทย และเมื่อได้มาร่วมมือกับ บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำการพัฒนาและจัดการด้านนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย ทำให้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ดำเนินธุรกิจของ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารวม 117 ไซต์งาน อาทิ บริษัท เอสซีลอร์ ออพติคอล แลบอราทอรี (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท บ๊อช ออโตโมทีฟ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ไทรอัมพ์ เอวิเอชั่น เซอร์วิสเซส เอเชีย จำกัด, บริษัท แม็คคอร์มิค (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ดูคาติ มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เบโค ไทย จำกัด จำกัด, บริษัท เอ็นทีที โกลบอล ดาต้า เซ็นเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท เรวีม่า เอเชีย แปซิฟิก จำกัด โดยมีบริการครอบคลุมการบริหารจัดการอาคาร บริการดูแลและซ่อมบำรุง บริการด้านการรักษาความปลอดภัย บริการงานทำความสะอาด ซึ่งบริการที่ได้รับการตอบรับสูงสุดคือ บริการด้านการรักษาความปลอดภัย โดยตลอดมา
บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้เพื่อมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังได้จัดตั้ง Amata Command Center (ACC) เป็นจุดศูนย์กลางในการบริหารจัดการพื้นที่ภายในนิคมอุตสาหกรรม ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง และด้วยจุดเด่นของการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในจุดเดียว ทำให้ลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมสามารถลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ได้รับการตอบรับตามที่คาดไว้และทำให้แผนการขยายธุรกิจไปที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะในพื้นที่อื่นเป็นไปได้ด้วยดี
และเพื่อให้ลูกค้าได้มั่นใจต่อการบริการที่ได้รับในทุกๆ วัน ในปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป เรามีแผนที่จะอัปเดตการให้บริการในด้านต่างๆ ให้ทันสมัยและมีคุณภาพเพิ่มขึ้นไป โดยจะมีการเปิดตัว Amata Command Center (ACC) ใหม่ที่เพียบพร้อมด้านเทคโนโลยีและการบริการมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยอื่นๆ เพิ่มเติม ที่เชื่อมต่อไปยัง Amata Command Center (ACC) เช่น ระบบเตือนอัคคีไฟ (Fire Alarm Monitoring) ซึ่งมีทีมรักษาความปลอดภัยเตรียมพร้อมตอบรับต่อสัญญาณเตือน และมีการเชื่อมต่อระบบ AED Monitoring ภายในอมตะซิตี้ให้ครอบคลุมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำระบบพลังงานแสงอาทิตย์โดยทางโซเด็กซ์โซ่หุ้นส่วนผู้เชี่ยวชาญมาใช้เพื่อส่งเสริมเรื่องความยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
และสำหรับเป้าหมายของจำนวนผู้รับบริการจาก บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ในปี พ.ศ. 2564 นั้น เราตั้งเป้าหมายที่จะให้บริการลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 140 ไซต์งาน ปีพ.ศ. 2566 จำนวน 340 ไซต์งาน และปี พ.ศ. 2568 จำนวน 750 ไซต์งาน
นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด มหาชน กล่าวว่า “ปัจจุบันอมตะเป็นผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ โดยมีพื้นที่ 27,000 ไร่ สำหรับนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ชลบุรี มีจำนวนโรงงาน ถึง 700 โรงงาน และ 16,895 ไร่ สำหรับนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้ ระยอง มีจำนวนโรงงาน ถึง 356 โรงงาน จึงมีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศไทย (GDP) เติบโตขึ้นในทุกๆ ปี
สำหรับการร่วมดำเนินธุรกิจกับ โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย ภายใต้ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด นั้น ตลอดระยะเวลา 5 ปี เห็นได้ชัดเจนว่ามีการเติบโตทางธุรกิจที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถตอบโจทย์การให้บริการในแบบ One Stop Service ที่ทางอมตะตั้งเป้าหมายไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอมตะเองไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้พัฒนาที่ดินและมองหาทำเลที่ดีสำหรับการธุรกิจเท่านั้น แต่ยังดูแลผู้ประกอบการในงานบริการงานด้านต่างๆ เช่น การวางแผน การบริหารจัดการ และการตลาดที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรมที่ครบวงจรให้กับลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ให้บริการในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางในนิคมอุตสาหกรรมเท่านั้น ก็ได้มีการให้บริการในส่วนของ Soft Service และ Facility Management เพิ่มเติมจากความร่วมมือกับทาง โซเด็กซ์โซ่ ประเทศไทย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครบจบครบในที่เดียว
ทั้งนี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างรูปแบบธุรกิจของ บริษัท โซเด็กซ์โซ่ อมตะ เซอร์วิสเซส จำกัด ไปยังนิคมอุตสาหกรรมอมตะในประเทศอื่นๆ เช่นเดียวกัน และอมตะจะยังพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำเมืองอัจฉริยะ (Smart City) เพื่อสอดรับกับการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้งในยุค 4.0 ให้เป็นเมืองอัจฉริยะและศูนย์การเรียนรู้ในภูมิภาคนี้ รวมทั้งจะเป็นพื้นที่การลงทุนที่สมบูรณ์แบบในระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)”
No comments:
Post a Comment