(30 มกราคม 2564) ศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยต่างๆ ได้เตรียมการที่จะเริ่มเปิดการเรียนการสอนในสถานที่ได้ตามมาตรการของ ศบค.แล้วตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นไป ซึ่ง อว. ได้ดำเนินการตามมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างต่อเนื่อง โดยได้มอบนโยบายให้สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งดูแลช่วยเหลือนักศึกษาอย่างเต็มที่และให้เตรียมความพร้อมเพื่อจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ที่มีการผ่อนคลายตามที่ ศบค.กำหนด โดยกำกับให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
ปลัดกระทรวง อว. กล่าวต่อไปว่า ตามที่ ศบค.ได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 โดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถาบันอุดมศึกษาที่จะต้องพิจารณาดำเนินการ โดยแบ่งตามสถานการณ์ของพื้นที่นั้น ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยจะดำเนินการดังนี้
1. พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สมุทรสาคร) ให้ปิดสถานศึกษา โดยให้จัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์
2. พื้นที่ควบคุมสูงสุด (กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ) ให้ใช้อาคารสถานที่ได้ โดยมีการกำกับมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด และให้จัดการเรียนการสอนแบบผสมผสานทั้งแบบในสถานที่และแบบออนไลน์ (onsite, online, on air) พร้อมให้งดกิจกรรมที่มีผู้ร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
3. พื้นที่ควบคุม เฝ้าระวังสูง หรือเฝ้าระวัง (72 จังหวัด) ให้สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติและใช้แบบผสมผสานได้ โดยกำกับมาตรการป้องกันโรค จำกัดจำนวนผู้ร่วมกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนในพื้นที่
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. (ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์) ได้ออกประกาศของกระทรวง อว. ฉบับที่ 10 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาพิจารณาดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวแล้ว รวมทั้งเน้นย้ำว่าหากนิสิตนักศึกษา อาจารย์และบุคลากร มีข้อจำกัด หรือมีเหตุจำเป็นไม่สามารถเดินทางมายังสถานศึกษาหรือที่ทำงานได้ เนื่องจากมีภูมิลำเนาตั้งอยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือต้องเดินทางผ่านพื้นที่ดังกล่าว ให้แจ้งอาจารย์ผู้สอนหรือผู้บังคับบัญชาทราบ และไม่ให้ถือว่าผู้นั้นขาดเรียนหรือขาดงาน โดยให้จัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมหรือมอบหมายงานทดแทน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ยังมีความห่วงใยและได้มอบนโยบายให้ดูแลความปลอดภัยและสุขอนามัยของนิสิตนักศึกษา อาจารย์และบุคลากรทุกคน รวมทั้งให้โรงพยาบาลของสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่ง ซึ่งกระจายอยู่ในแต่ละพื้นที่ได้ปฏิบัติภารกิจด้านการรักษาพยาบาล ให้บริการประชาชน บริการสาธารณะและการบริหารจัดการเพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์การระบาดขณะนี้อย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน และให้สถาบันอุดมศึกษาโดยเฉพาะในต่างจังหวัดสนับสนุนการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามหากมีความจำเป็นด้วย
No comments:
Post a Comment