สสส.จับมือนักศึกษา มช. - คนรุ่นใหม่ภาคเหนือ จัดกิจกรรม “กาดซาวห้า ธันวาคม : ลานละมุน อุ่นไอหนาว” ชูกิจกรรมปลอดเหล้า ยา สร้างสภาพแวดล้อมดี พื้นที่ปลอดภัย รณรงค์ปีใหม่ไม่ดื่ม – ดื่มไม่ขับ “กรึ่มๆก็ถึงตาย”
เมื่อวันที่ 25-26 ธันวาคม ที่ลานสังคีต (ลานความยิ้ม) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กลุ่มลานละมุน ร่วมกับเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรม “กาดซาวห้า ธันวาคม : ลานละมุน อุ่นไอหนาว” ภายใต้แนวคิดสภาพแวดล้อมดี พื้นที่ปลอดภัย เดินทางสุขใจ ปีใหม่ ไม่ดื่ม-ดื่มไม่ขับ โดยภายในงานมีการแสดงจากนักศึกษา กลุ่มคนรุ่นใหม่ กลุ่มศิลปินที่ได้รับความนิยมจากวัยรุ่น การออกร้านขายสินค้า บูธกิจกรรมจากเครือข่ายและการเสวนาที่สะท้อนผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นายทนง ธัญญเดชสกุล นักศึกษา มช. แกนนำเครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชนตัวแทนคณะผู้จัดงาน กล่าวถึงที่มา แนวคิด และวัตถุประสงค์ในการจัดงานว่า พรรคนักศึกษายุวธิปัตย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จัดกิจกรรมกาดซาวห้า หรือตลาดนัดในวันที่ 25 ของทุกเดือนอยู่เป็นประจำ เนื่องจากในทุกวันที่ 25 ของทุกเดือนจะเป็นวันหยุดของร้านค้าในพื้นที่โดยรอบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำให้นักศึกษาของ มช. ขาดแหล่งซื้อของกินของใช้จำเป็น จึงได้จัดกิจกรรมกาดซาวห้า เพื่อให้เป็นพื้นที่สำหรับการขายของกินของใช้และพื้นที่ที่ให้นักศึกษาและชุมชนใกล้เคียงมาใช้บริการ พบปะกัน
นายทนงกล่าวอีกว่ากาดซาวห้ารอบนี้มีความพิเศษที่พรรคนักศึกษายุวธิปัตย์ มช. ได้ร่วมกับ กลุ่มลานละมุน เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน (ขสย.) เครือข่ายองค์กรงดเหล้า และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดกิจกรรมในชื่อตอน ลานละมุน อุ่นไอหนาว ภายใต้แนวคิดที่อยากจัดกิจกรรมทางเลือกของนักศึกษาที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ และสิ่งเสพติด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี เปิดพื้นที่ในนักศึกษา และคนที่สนใจได้แสดงออกในทางสร้างสรรค์ สร้างค่านิยมการจัดงานที่ปลอดภัย สนุกได้โดยไม่พึ่งพาสิ่งมึนเมา รวมถึงการรณรงค์ไม่ให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างการขับขี่ยานพาหนะโดยเฉพาะในช่วงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง
นายภูมิมินท์ บึงชารี หรืออาร์ต นักร้องนำวงภูมินท์ ศิลปินเพลงอินดี้ขวัญใจคนรุ่นใหม่ กล่าวถึงประสบการณ์ของตนเองว่าเมื่อปลายปี 2562 ว่าตอนนั้นตนอายุประมาณ 24-25 ปี ได้มีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนๆ ในวันก่อนที่จะรับปริญญาทำให้เมาจนไม่ได้สติและขับรถกลับบ้าน ในระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในห้องไอซียูเป็นเวลานาน ในวันที่รู้สึกตัวและตื่นขึ้นมา ภาพที่มองเห็นในขณะนั้นคนที่อยู่ใกล้ๆ เราก็คือครอบครัว จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ตัวเองได้คิดและทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าถ้าวันนั้นเราเสียชีวิตไป ครอบครัวของเราจะเสียใจขนาดไหน อีกทั้งยังโชคดีที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นได้รับความสูญเสียไปด้วย
“ครั้งแรกที่ได้รับเชิญให้ไปร้องเพลงและเล่นดนตรีในงานที่ไม่มีการดื่มและขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเรียกว่างานดนตรีปลอดเหล้า ทำให้เราสรุปได้ว่าความสนุกสนานในการฟังเพลง ไม่ได้เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว อีกทั้งงานที่มีทั้งดนตรีและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้คนภายในงานไม่มีสติจนอาจทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นภายในงานได้ ดังนั้นการทำพื้นที่สร้างสรรค์และงานดนตรีที่ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้มีความสุขทั้งผู้จัดและผู้ที่มาเข้าร่วมงาน ตลอดจนเป็นพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนได้เข้ามาร่วมกิจกรรมอย่างปลอดภัยจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ สุดท้ายขอขอบคุณน้อง ๆ ทีมงานจากน้องนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทุกคน และอยากจะบอกว่า อุบัติเหตุที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์สามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้โดยเริ่มจากตัวของน้อง ๆ เอง โดยอาจจะไม่ดื่ม หรือถ้าหากดื่มแล้วก็เลือกที่จะไม่ขับรถ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวเราเองและบุคคลอื่นด้วย” นักร้องนำวงภูมินท์กล่าว
ด้านนายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า สคล.และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีภารกิจในการสนับสนุนให้เกิดการจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ การสร้างสภาแวดล้อมให้เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดี พร้อมๆไปกับการรณรงค์ให้ประชาชนได้เข้าใจในกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และรณรงค์ลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกช่วงเทศกาล
“ในช่วงปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงแน่นอนว่าประชาชนจะมีการเดินทางและจัดกิจกรรมสังสรรค์กันในช่วงเทศกาลปีใหม่ ปีนี้เรารณรงค์ให้ดื่มไม่ขับ โดยใช้เคมเปญ “กริ่มๆก็ถึงตาย” เพราะมีข้อมูลว่ากินเบียร์ 1-2 กระป๋อง สมองจะมีการสั่งการช้าลง 1 วินาที ในเสี้ยววินาทีที่เสียไปรถอาจไปได้ไกลถึง 22 เมตร เมื่อใช้ความเร็วเพียง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยิ่งดื่มมากกว่านั้นอาจจะทำให้ตาเบลอ สมองสั่งการช้าลง เสี่ยงที่จะเกิดการสูญเสียมากขึ้น ปีใหม่ปีนี้จึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันเฉลิมฉลองอย่างมีสติ หากงดเว้นจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ก็จะเป็นการดี แต่หากจำเป็นต้องดื่มก็ขอให้งดเว้นจากการขับขี่ยานพาหนะ เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและคนรอบข้าง และอยากเชิญชวนผู้ที่จะจัดงาน จัดกิจกรรมต่าง ๆ ลองเปลี่ยนมาเป็นงานที่ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดู ท่านจะพบว่างานที่มีสติ สนุกได้และปลอดภัยกับทุกคนก็เกิดขึ้นได้จริง การที่ต้องมีความสูญเสียจากงานที่เราจัดขึ้นโดยผู้คนในงานขาดสติจากน้ำเมา คงไม่ใช่เรื่องที่ผู้จัดจะปฏิเสธความรับผิดชอบได้เลย และกิจกรรมในวันนี้เป็นเรื่องน่ายินดีที่คนรุ่นใหม่ หันมาสนใจเรื่องสุขภาวะและความปลอดภัยในชีวิตมากขึ้น” นายธีระ กล่าว
No comments:
Post a Comment