ซึ่งจะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยจะมีรูปแบบที่ไม่เหมือนเดิม เช่นที่เคยมีเฉพาะ อาคาร ห้องเรียน ห้องสมุด โรงอาหาร ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ต้องปรับเป็น "University every where" เพราะ สิ่งแวดล้อม สังคม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีต่างๆ มีความรวดเร็วขึ้นตามยุคสมัย คนรุ่นใหม่ก็อยากเรียนจบเร็วๆ และมองไปถึงอนาคตว่า เรียนแล้วจะประกอบอาชีพอะไร เลี้ยงตัวเองได้หรือไม่ ตรงนี้การศึกษาต้องตอบโจทย์ให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสากลที่ยูเนสโกพูดไว้นานแล้ว และมหาวิทยาลัยจะต้องเป็นหลักให้กับสังคม อย่างไรก็ตาม ได้กำหนดทิศทางไว้ 4 ข้อ ได้แก่
1. ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การแลกเปลี่ยน ความรู้ ความคิด ความพยายาม ระหว่างประเทศ ปัญหาที่ท้าทายทุกวันนี้ คือ ความสามารถที่จะร่วมมือกันมหาวิทยาลัย อื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จุดแข็งของแต่ละมหาวิทยาลัย
2. การวิจัย เพื่อนำไปสู่นวัตกรรม ซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ทั้งในเชิงการบริหารจัดการ วิชาการ การรักษาประเพณี วัฒนธรรม
3. การผสมผสาน การเรียนการสอนเก่งวิชาหรือเรื่องนั้นๆได้ แต่ต้องรู้และเข้าใจความหมายของบุคคลอื่น ต้องมีจิตสำนึกต่อสังคมสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ความเป็นบัณฑิตนั้นสมบูรณ์ขึ้น
4. คุณธรรม ความตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์สุจริต ความรับผิดชอบต่อสังคมความมีน้ำใจต่อคนอื่น ความรู้จักให้ ความเสียสละ อย่ากลัวเสียเปรียบ และคุณธรรมที่วันนี้มหาวิทยาลัยเกริก อาจารย์ ลูกศิษย์ต่างๆทำก็คือ ความกตัญญูกตเวที เรื่องนี้สำคัญ แต่ต้องส่งเสริมให้ผู้ใหญ่ ครู อาจารย์ ผู้นำปฏิบัติและปฏิบัติ เพราะตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน มหาวิทยาลัยจะไปบอกว่าเรามีวิชาทันสมัย มีเทคโนโลยี มีเครื่องมือ เก่ง ไม่พอ
นอกจากนี้ ยังมี 3 สถาบันเพื่อรองรับภาคธุรกิจ "One Belt One Road" ได้แก่
1. Thai China ASEAN เพื่อศึกษาเส้นทาง ข้อมูลว่ามันคืออะไร เราจะได้/เสียอะไร ควรเตรียมตัวอย่างไร และจะเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง
2. การจัดการภัยพิบัติ เพื่อให้ลูกศิษย์ที่เรียนจบออกไป ไม่ว่าประกอบอาชีพอะไรสามารถเข้าใจความหมาย การจัดการ หรือให้ช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง ผู้ที่เป็นบัณฑิตของมหาวิทยาลัยเกริกต้องมีจิตใจทางสังคม
3. พัฒนาภาวะผู้นำ คนที่มีภาวะผู้นำจะประสบความสำเร็จ ทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ต้องทำอย่างไรบ้าง ต้องมีการสอน เชิงปฏิบัติ และลงปฏิบัติ
ด้าน นายดำรงศักดิ์ เกี้ยวเพ็ง รองประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และ CEO Bangkok Anti-Aging Center ศิษย์เก่าดีเด่น กล่าวว่า “ ม.เกริก มีประวัติความเป็นมาที่ค่อนข้างยาวนาน ได้มาเรียนปริญญาตรี และปริญญาโทที่นี่ การเรียนการสอนของ ม.เกริก จะเน้นในเรื่องของ วิชาการและวิธีการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน สามารถปรับใช้ในการบริหารธุรกิจ และเรื่องต่างๆ ทางสังคมด้วย
"ผมคิดว่า ม.เกริกทำให้เราได้มีองค์ความรู้ที่สามารถเอาไปพัฒนาต่อยอดในเรื่องธุรกิจ เรื่องการใช้ชีวิตของเราได้จริง ทำให้เรามีอนาคตที่ดีประสบความสำเร็จในชีวิตได้ แนะนำเลยครับน้องๆรุ่นหลังๆที่มีความสนใจหาสถานศึกษาต่อ พี่แนะนำ ม.เกริก ครับ"
"อยากฝากถึงน้องๆผู้ที่สนใจ ถ้าน้องอยากได้องค์ความรู้คู่คุณธรรม ให้น้องมาศึกษาที่ ม.เกริก ความรู้จะทำให้น้ององอาจ เกิดความภาคภูมิใจว่าครั้งหนึ่งน้องได้ศึกษาที่ ม.เกริกทำให้น้องสามารถนำไปต่อยอดอาชีพ แล้วก็ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ครับ"
"ผมมองว่า ม.เกริก สื่อสารการเมือง โดยเฉพาะอาจารย์นันทนา มีคุณูปการกับผมอย่างมาก ผมจะไม่มีวันลืม อยากจะเชิญชวนพี่ๆ หรือผู้ที่สนใจ เพื่อนๆ อยากเรียนการสื่อสารการเมือง ก็เชิญมาที่นี่ครับรับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ"
ศ.ดร.นพ.กระแส กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในฐานะผู้บริหารสถาบันการศึกษา และจากประสบการณ์ที่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อน "อยากจะฝากถึงรัฐบาลใหม่ชุดใหม่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม อยากให้เน้นถึงการศึกษาของชาวชนบท ก็คือ ส่วนที่เป็นอนาคตของประเทศไทยเช่นกัน เพราะจากที่เคยเป็นหมอในชนบทได้เรียนรู้จากการออกพื้นที่ในชนบททำให้เห็นถึงการขาดโอกาสทางการศึกษา และทุกวันนี้ก็ยังมีให้เห็นอยู่ นี่เป็นเรื่องสำคัญ และในฐานะที่เป็นแพทย์โดยอาชีพและเป็นครูบาอาจารย์ในด้านการสาธารณสุข ก็ต้องยอมรับว่าการแพทย์มีความเจริญก้าวหน้าพอสมควรเวลาเขายกย่องว่าการแพทย์เมืองไทยก้าวหน้า ผมก็ภูมิใจ อยากจะให้ผู้ที่มาบริหารบ้านเมืองลองหันไปสนใจเรื่องพวกนั้นให้มากพอๆกับเรื่องเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเครื่องมือที่ทันสมัย ควรหันไปมองข้างหลังว่าเพื่อนร่วมชาติของเราที่เป็นคนส่วนใหญ่และเสียเปรียบคนบางกลุ่มมานานแล้ว หากได้รับประโยชน์ เข้าถึงการแพทย์ การดูแลสุขภาพของพ่อแม่ หรือลูกหลานได้เรียนหนังสือที่เหมาะสม จากทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันก็จะเป็นการดีต่อทุกคนและประเทศชาติมาก" ศ.ดร.นพ.กระแส กล่าวทิ้งท้าย
No comments:
Post a Comment