นายอัมรินทร์ กล่าวว่า เขตหลักสี่ไม่ค่อยมีปัญหาจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากนัก เพราะทางสำนักงานเขตหลักสี่มีการกวดขัน ควบคุม และตรวจสอบสถานที่ต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตลอดจนการรณรงค์ประชาสัมพันธ์เพื่อปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักถึงโทษและพิษภัยของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาอย่างต่อเนื่อง มีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการกวดขันให้ร้านค้า สถานประกอบการต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ไม่ขายเหล้าให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่ขายในช่วงเวลาห้ามขาย และไม่ขายในวันพระใหญ่ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากสถานประกอบการ และประชาชนเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ทางสำนักงานหลักสี่ก็หวังว่าผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ร้านค้าต่างๆ จะให้ความร่วมมือปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดการเข้าถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลดผลกระทบ “เราอยากเห็นประชาชนมีความตระหนักถึงการรักษาสุขภาพของตนเอง และสุขภาพของคนที่ตนเองรัก ด้วยการตั้งเป้าหมายงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเข้าพรรษา 3 เดือนนี้ให้สำเร็จ ดังนั้นจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามงดเหล้าเข้าพรรษาในปีนี้ไปด้วยกัน” นายอัมรินทร์ กล่าว
ด้านนางสาวดวงเดือน กล่าวว่า ชาวเคหะชุมชนหลักสี่ได้เข้าร่วมขบวนแห่เทียนพรรษากับสำนักงานเขตหลักสี่เป็นประจำทุกปี และในแต่ละปีมีการเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามงดเหล้าเข้าพรรษา ใช้โอกาสช่วงสามเดือนเข้าพรรษาในการลด ละ เลิกเหล้า ใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น เป็นช่วงเวลาที่ทำให้ร่างกายได้ฟื้นฟู ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นที่น่าพอใจ ในวันนี้เครือข่ายฯได้จัดแสดงแฟนตาซีเพื่อสะท้อนผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ ผลกระทบจากอุบัติเหตุ ผลกระทบทางสุขภาพ การทะเลาะวิวาท และความรุนแรงในครอบครัวเป็นต้น และในปีนี้เครือข่ายฯตั้งเป้าหมายในการเข้าถึงผู้ที่ติดสุรา เพื่อชักชวนให้เข้ากระบวนการลดละเลิกอย่างเป็นระบบให้มากขึ้นด้วย เพราะข้อมูลจากศูนย์วิจัยปัญหาสุราในปี 2562 ระบุว่า ทุก ๆ 1 ชั่วโมง คนไทยเสียชีวิตจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เฉลี่ย 5 คน ปีละกว่า 43,000 คน เป็นผู้ชายที่เสียชีวิตมากกว่าผู้หญิงถึง 6 เท่า ดังนั้นการงดเหล้าเข้าพรรษาจึงเป็นการรณรงค์สำคัญในการลดความสูญเสียจากน้ำเมา
นายสิทธิพันธ์ อาจเอี่ยม เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน ฝ่ายพัฒนาชุมุชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตหลักสี่ กล่าวว่า ในอดีตตนก็เคยดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงที่เริ่มทำงาน มีเงินเดือนมีเพื่อนๆ จะมีการดื่มแทบทุกวัน ทำให้ร่างกายแฮงค์ ไปทำงานสาย บางครั้งก็ไม่สามารถทำงานได้เลย กระทั่งเข้ารับการตรวจร่างกายของหน่วยงานก็พบว่าตับ ไตเริ่มมีปัญหา ซึ่งคิดว่าน่าจะมาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักต่อเนื่องกัน ตนจึงเริ่มดูแลสุขภาพตัวเองโดยใช้ช่วงเข้าพรรษา 3 เดือนในการงดดื่ม ก็พบว่าร่างกายมีการปรับตัวที่ดีขึ้น สดชื่นขึ้น ทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น จึงตัดสินใจที่จะงดเหล้าเข้าพรรษามาอย่างต่อเนื่อง จนถึงตอนนี้ก็งดเหล้าเข้าพรรษามาได้15ปีติดต่อกันแล้ว ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนประชาชนให้หันมาดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อยก็ในช่วง 3 เดือนนี้ แล้วจะเห็นว่าชีวิตดีขึ้นจริงๆ
No comments:
Post a Comment