โครงการดังกล่าวจัดขึ้นตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการกีฬา และนันทนาการบนพื้นฐานวิทยาศาสตร์การกีฬา เพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมพัฒนากีฬา พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างชื่อเสียง และเกียรติภูมิของประเทศ รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬา การท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพื่อสร้างคุณค่า และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ดังนั้นสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทยที่มีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรมกีฬามวยอาชีพในการส่งเสริม และเผยแพร่กีฬามวยไทยอาชีพให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจด้วยธุรกิจอุตสาหกรรมมวยไทย สร้างรายได้ให้บุคลากรมวยไทย จึงจัดโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีนขึ้นเพื่อนำกีฬามวยไทยไปเผยแพร่ และยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของไทย-จีน ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
กิจกรรมที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน แบ่งกิจกรรม เป็น 2 ส่วน 1.กิจกรรมเทนรนิ่ง ที่ sport Hall จัด 2 วัน และ 2.กิจกรรมการแสดงศิลปะมวยไทยและศิลปะวัฒนธรรม ที่ห้างสรรพสินค้า Wanda Mall เป็นการเผยแพร่มวยไทย การไหว้ครู มวยโบราณ แม่ไม้มวยไทย การแสดงศิลปะวัฒนธรรม 4 ภาค การสอนพื้นฐานมวยไทย เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมการกีฬามวยไทย ให้ชาวต่างชาติภายในงานได้มีการรับรู้ กิจกรรมฝึกสอนมวยไทยขั้นพื้นฐาน ซึ่งถือเป็น One Standard มาตรฐานหนึ่งเดียวของมวยไทย ไปเผยแพร่องค์ความรู้สู่นานาชาติ บรรยากาศภายในงานมีชาวจีนทั่วไป รวมทั้งเยาวชนให้ความสนใจเรียนรู้หลักสูตร และศิลปะแม่ไม้มวยไทยกันอย่างเป็นจำนวนมาก โดยเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่งที่ชาวจีน และเยาวชนจาก South China Normal University ให้ความสนใจร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
โครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีน ยังเป็นการประชาสัมพันธ์กีฬามวยไทย ส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม อันเป็นอัตลักษณ์ของความเป็นไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้นในประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทางการฑูตด้วยการเผยแพร่กีฬามวยไทย ศิลปะวัฒนธรรมไทย ขณะเดียวกัน ยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมมวยไทยสู่ประเทศจีนอย่างครบวงจร และสามารถต่อยอดสินค้ามวยไทยได้อย่างแพร่หลาย ทั้งในรูปแบบสินค้า และบริการด้านมวยไทยอย่างเป็นรูปธรรม เกิดความร่วมมือ และประสานงานกับองค์กรเครือข่ายกีฬามวยไทยทั้งในประเทศ และต่างประเทศอีกด้วย โดยกิจกรรมตลอด 3 วัน มีการถ่ายทอดสดผ่านสื่อออนไลน์ซึ่งมีผู้ติดตามชมกว่า 7.5 ล้านคน รวมไปถึงมีรายการโทรทัศน์ ของมณฑลกวางตุ้ง มาถ่ายทำรายการเพื่อนำภาพศิลปะมวยไทยไปออกอากาศ จากการนำกิจกิจกรรมครั้งนี้
นางจิราพร สุดานิช กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว เปิดเผยว่า สำหรับงานมวยไทยซอฟท์เพาเวอร์ที่มาจัดที่นครกว่างโจว ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ทั้ง 3 วัน มีผู้ชมชาวจีนมาเข้าชม ทั้งร่วมในการฝึกทักษะมวยไทยกับเรา รวมถึงมาชมการแสดง และแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของศิลปะมวยไทย กิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นและดึงดูดคนในเมืองกว่างโจว และเมืองใกล้เคียง มาร่วมชมและร่วมกิจกรรมกันเป็นจำนวนมาก ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ทำให้มวยไทยกลับมามีพื้นที่ด้านกีฬาอีกครั้งในเมืองกว่างโจวหลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมวยไทยในนครกว่างโจวมีสถานที่ฝึกซ้อม มีโรงยิมเนเซียมมวยไทยมากมาย
"เราจะเห็นได้ว่า คนที่เข้าร่วมกิจกรรมได้รับองค์ความรู้ที่แท้จริง และลึกซึ้งด้านกีฬามวยไทย ซึ่งกีฬามวยไทยเป็นตัวเชื่อมที่ดีที่ผู้คนชาวจีน และชาติต่างๆ จะฝึกฝน เรียนรู้ร่วมกันได้ ถือว่าประสบความสำเร็จน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง" กงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว กล่าว
ดร.ปัญญา หาญลำยวง คณะกรรมการติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทยในประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน เรามีวัตถุประสงค์เพื่อให้มวยไทยได้เผยแพร่ทั่วทุกมุมโลกโดยให้มีขนบธรรมเนียมประเพณีของประเทศไทย ที่สำคัญที่สุดการทำให้มวยไทยสร้างรายได้เข้าประเทศ เรื่องของแม่ไม้มวยไทย ศิลปะมวยไทย พร้อมทั้งนำเอาศิลปะของการแสดงของประเทศไทยแต่ละภาคมาโชว์ ขณะนี้ทั่วโลกโดยเฉพาะเมืองกว่างโจว ประเทศจีน ให้ความสนใจกับกิจกรรมมวยไทย การแสดงพื้นบ้าน และสินค้าจากประเทศไทยอย่างมาก ต้องถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างสูงในการนำมวยไทยมาเผยแพร่ ที่นครกว่างโจว เชื่อว่าในอนาคตมวยไทยจะแพร่กระจายไปทั่วทุกมุมโลก ที่สำคัญคือเป็นเรื่องของซอฟท์เพาเวอร์จะสร้างรายได้เข้าประเทศไทยจำนวนมาก ขณะเดียวกันสถานกงศุล ณ นครกว่างโจว ได้ร่วมบันทึกวิดีโอนำไปเผยแพร่ทั่วประเทศจีน และส่งต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศเพื่อส่งต่อไปยังทุกๆ ชาติทั่วโลก ขอชื่นชมทุกฝ่าย ทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันผลักดันมวยไทยไปทั่วโลก และหวังว่าจะได้เห็นมวยไทยมีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
สำหรับครั้งต่อไปประเทศไทย จะเดินทางไปจัดโครงการเผยแพร่ศิลปะมวยไทย ที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566
No comments:
Post a Comment