รุมทำร้าย ใช้ปืนจี้-ฟันแขนหัก เอ็นข้อมือขาด แจ้งความตำรวจ ผ่านมาเกือบ 2 เดือน คดีไม่คืบ พื้นที่ สภ.ธัญบุรี จว.ปทุมธานี”
พล.ต.ท.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 ทราบได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เร่งรัดและดำเนินการทางคดีอย่างเต็มที่ โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดทุกราย
สภ.ธัญบุรี ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย.66 เวลาประมาณ 20.00 น. นายปรพล (ขอสงวนนามสกุล) ผู้เสียหายที่ 1 และ นายปฏิภาณ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้เสียหายที่ 2 ได้ขับขี่รถรถจักรยานยนต์ไปส่งนายปรพลฯ กลับบ้าน ระหว่างทางเมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พบกลุ่มวัยรุ่นกำลังซื้อสินค้าอยู่ที่ร้านค้าข้างทาง โดยมี นายกาย (ผู้ต้องหา) เป็นหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นมองหน้าและตะโกนท้าทายและขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายทั้งสอง จนไปถึงหน้าหมู่บ้านสัมมากร จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนจ่อมาที่ผู้เสียหายบังคับให้จอดรถ เมื่อรถหยุดนายกายกับพวกก็ใช้อาวุธมีดความยาวประมาณ 1 เมตรเศษ ร่วมกันฟันที่ด้านหลังผู้เสียหายทั้งสองขณะที่ยังนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ จนผู้เสียหายทั้งสองล้มลงไปทั้งรถและคน ผู้ต้องหากับพวกยังใช้อาวุธมีดรุมฟันผู้เสียหายทั้งสองอีกครั้ง ทำให้นายปรพลฯ ได้รับบาดแผลที่ท้ายทอย แพทย์เย็บ 7 เข็ม, แขนข้างซ้ายถูกฟันกระดูกหัก 2 ท่อน มีบาดแผลลึกตัดเส้นเอ็นจนขาด ด้านหลังเป็นรอยถลอก,
นายปฏิภาณฯ ได้รับบาดเจ็บถูกฟันที่ศีรษะ 3 แผลที่แขนข้างซ้าย 2 แผล บริเวณง่ามมือข้างซ้าย นิ้วนาง นิ้วก้อย และแขนขวาถูกฟัน บริเวณหลังที่ถูกฟันแผลลึก และทำให้รถจักรยานยนต์ได้รับความเสียหายเป็นรอยขีดข่วนและชิ้นส่วนแตกหัก จากนั้นผู้ต้องหากับพวกได้หลบหนีไป
โดยเบื้องต้น พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรธัญบุรี ได้รับแจ้งความและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ทำการสืบสวนกระทั่งทราบว่า นายกาย ชื่อ ด.ช.ภคพล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ ๑๖ ปี จึงส่งรายงานการสืบสวนให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งข้อกล่าวหา ด.ช.ภคพล ฯ เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.66 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ โดยใช้กำลังประทุษร้าย, จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป” ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ไม่ขอให้การชั้นพนักงานสอบสวน จะขอให้การชั้นพิจารณาของศาล ส่วนผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิดอยู่ระหว่างสืบสวนพิสูจน์ทราบตัวบุคคล ให้ทราบชื่อ - นามสกุลจริง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตำรวจภูธรภาค 1 ได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดให้มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสงบสุขของสังคมและประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือจากประชาชน ผู้นำชุมชน สมาชิกแจ้งข่าวอาชญากรรมในการแจ้งเบาะแสผ่านศูนย์รับแจ้งเหตุ ๑๙๑ หรือทางสายด่วน ๑๕๙๙ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง
No comments:
Post a Comment