หัวเว่ยก้าวสู่ยุค 5.5G ในงาน Asia Pacific ICT Summit 2024 ปูทางสู่การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของประเทศไทย - Thailand Times

Breaking

Post Top Ad

Wednesday 14 August 2024

หัวเว่ยก้าวสู่ยุค 5.5G ในงาน Asia Pacific ICT Summit 2024 ปูทางสู่การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของประเทศไทย

หัวเว่ยก้าวสู่ยุค 5.5G ในงาน Asia Pacific ICT Summit 2024 
ปูทางสู่การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของประเทศไทย
กรุงเทพฯ, 14 สิงหาคม 2567 — ในงาน Asia-Pacific ICT Summit 2024 ซึ่งร่วมจัดโดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หัวเว่ย และพันธมิตรอุตสาหกรรม GSMA หัวเว่ย ประกาศความพร้อมที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่ยุค 5.5G โดยอาศัยความสำเร็จของ 5G เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของประเทศไทยด้วยเครือข่ายอัจฉริยะรุ่นถัดไปที่มีความเร็วสูงสุด

ประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในภูมิภาคนี้ ได้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในการนำ เทคโนโลยี 5G มาใช้ เพื่อผลักดันพัฒนาการทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมอย่างมีนัยสำคัญและเสริมสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วยวิวัฒนาการและการมาถึงของ 5.5G ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างยิ่ง

มาตรฐานการใช้งานในระดับสากลของ 5.5G ซึ่งจัดทำแล้วเสร็จตั้งแต่ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นก้าวสำคัญในการสื่อสารโทรคมนาคม ซึ่งเทคโนโลยีนี้ ได้ปรับปรุงและยกระดับการใช้งานของเทคโนโลยี 5G ดังนี้:

• อัลตราบรอดแบนด์ (Ultra-Broadband): 5.5G ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงถึง 10 Gbit/s ซึ่งเร็วกว่าการใช้งาน 5G ถึงสิบเท่า และความเร็วในการอัพโหลดอย่างน้อย 500 Mbit/s เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ไร้รอยต่อและรวดเร็วสูงสุด 
• การรับประกัน SLA แบบกำหนดเอง (Deterministic SLA): ด้วยค่าความหน่วงที่ต่ำลง 1 มิลลิวินาที 5.5G รับประกันคุณภาพบริการซึ่งจำเป็นสำหรับแอปพลิเคชันและบริการที่ต้องทำงานแบบเรียลไทม์ 
• AI และเครือข่ายอัตโนมัติ (AI and Autonomous Networks): การรวม AI เข้ากับการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายและเครื่องมือการตลาดที่แม่นยำ ทำให้ผู้ให้บริการสามารถจัดการเครือข่ายขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในการกล่าวปาฐกถาที่งาน Asia-Pacific ICT Summit 2024 นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการ ฝ่ายขายกลุ่มธุรกิจเครือข่ายโทรคมนาคม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของความก้าวหน้าทางด้านเทคนิคเหล่านี้ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับบริการใหม่ ๆ เช่น การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT จำนวนมากซึ่งมีความหนาแน่นต่อพื้นที่มากขึ้นกว่า 1 ล้านชิ้นต่อตารางกิโลเมตรผ่านเครือข่าย 5G และมีระยะการสื่อสารที่ไกลขึ้น (Massive IoT), ประสบการณ์ที่ผสานโลกแห่งความเป็นจริงกับโลกเสมือนเข้าด้วยกัน ผ่านเทคโนโลยี 3D/MR/XR, เทคโนโลยีการสื่อสารจากยานพาหนะสู่ทุกสิ่ง V2X (Vehicle-to-Everything) และแอปพลิเคชันที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้ คาดว่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และขยายเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

“เมื่อเราเข้าสู่ยุค 5.5G หัวเว่ยมีความมุ่งมั่นมากขึ้นกว่าเดิมในการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของประเทศไทย 5.5G ไม่เพียงแค่เป็นเรื่องของการเชื่อมต่อเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการสร้างโลกที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอุตสาหกรรมต่าง ๆ สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้โดยไม่มีขีดจำกัด เราพร้อมที่จะเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้ โดยการรับรองว่าโซลูชัน 5.5G ของเราจะเป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก ผ่านการร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมและการศึกษาในหลายภาคส่วน เช่น โทรคมนาคม การเงิน และการศึกษา เรามุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศ 5.5G ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ และเร่งการเดินทางของประเทศในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"
งาน Asia-Pacific ICT Summit 2024 ถือเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยให้มุมมองที่ครอบคลุมถึงการเดินทางของเทคโนโลยีดิจิทัลในอนาคต เมื่อภูมิภาคนี้ยังคงเป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล งานนี้จึงเป็นเวทีสำคัญสำหรับการทำงานร่วมกัน นวัตกรรม และการสำรวจขอบเขตใหม่ ๆ ในโลกอัจฉริยะ

หัวเว่ย ยืนหยัดในความมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้ให้บริการและพันธมิตรทางอุตสาหกรรมเพื่อให้บริการเทคโนโลยีและโซลูชัน ICT อันทันสมัย นำโดย 5.5G คลาวด์ และ AI หัวเว่ยตั้งเป้าที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่แนวหน้าของเทคโนโลยีดิจิทัลระดับโลก ส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลที่ยั่งยืนสำหรับประเทศ

นอกจากนี้ คำกล่าวปาฐกถาจากผู้นำอุตสาหกรรม รวมถึงตัวแทนจาก GSMA และ ITU ได้เน้นย้ำถึงการเคลื่อนไหวระดับโลกของเทคโนโลยี 5.5G โดยเฉพาะในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น จีนและตะวันออกกลาง งานนี้ได้เน้นย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในการเริ่มต้นแผนการพัฒนา 5.5G ภายในปี 2567
หนึ่งในไฮไลท์ที่โดดเด่น คือ การนำเสนอจาก Midea Thailand ที่จัดแสดงโรงงานอัจฉริยะที่ล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โรงงานนี้แสดงให้เห็นว่า 5G ได้ปฏิวัติการดำเนินงานอย่างไร รวมถึงระบบโลจิสติกส์อัตโนมัติ การตรวจสอบคุณภาพสินค้า และศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะ

ทั้งนี้ ผู้ให้บริการเทเลคอมรายใหญ่ของไทยอย่าง AIS และ TRUE ได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวิธีที่ 5G ได้ช่วยให้บริการใหม่ ๆ แก่ลูกค้าและเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ทั้งสองบริษัทแสดงความตื่นเต้นสำหรับยุค 5.5G โดยคาดหวังว่าจะมีบริการที่ล้ำสมัยยิ่งขึ้นสำหรับคนไทย

ควบคู่กับการประชุมสุดยอดครั้งนี้ หัวเว่ยและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดตัวความร่วมมือที่มุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี 5.5G และการเพิ่มทักษะบุคลากรร่วมกัน ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในด้านการพัฒนา 5.5G ผ่านการส่งเสริมการวิจัยร่วมกัน การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติ และการบูรณาการระหว่างภาคอุตสาหกรรมและการศึกษา
ณ โซนแสดงนิทรรศการ หัวเว่ยได้นำเสนอรูปแบบอัจฉริยะต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงอนาคตของชีวิตดิจิทัล การทำงาน และอุตสาหกรรม: 

• Digital Life: บ้านอัจฉริยะ (smart homes) แท็กซี่ไร้คนขับ (autonomous taxis) การไลฟ์สตรีมมิ่ง 5.5G (5.5G live streaming) เทคโนโลยีสร้างโลกเสมือนจริง (mixed reality) และการสื่อสารของยุคหน้า (next-gen communication)
• Smart Campus: Wi-Fi 7 รุ่นใหม่ล่าสุด, FTTO, การประชุมอัจฉริยะ (Intelligent meetings) และการ ใช้ AI ช่วยช้อปปิ้งและรับประทานอาหารในร้าน
• Industry Transformation: นวัตกรรมในอุตสาหกรรมการผลิตอัจฉริยะ การดูแลสุขภาพ รัฐบาล และการเงิน 
• Interactive Points: เกมเสมือนจริง (Huawei Cloud Yunbao Virtual Game Machine) มนุษย์เสมือนจริง (Virtual Human) การถ่ายภาพด้วย AI และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ Kuavo ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ HarmonyOS
• Ecosystem Partners: นวัตกรรมร่วมจากหัวเว่ยและพันธมิตรกว่า 30 ราย

ความเป็นผู้นำของหัวเว่ยในการพัฒนาเทคโนโลยี 5.5G ที่งาน Asia-Pacific ICT Summit 2024 ถือเป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตดิจิทัลของประเทศไทย โดยการขับเคลื่อนนวัตกรรม สร้างความร่วมมือ และเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยี หัวเว่ยไม่เพียงสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังวางตำแหน่งให้ประเทศไทยเป็นผู้เล่นสำคัญในเศรษฐกิจดิจิทัลระดับโลก

เมื่อยุค 5.5G กำลังเริ่มต้น หัวเว่ยยังคงมุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียในอุตสาหกรรมเพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ และสร้างโลกที่ชาญฉลาดและเชื่อมโยงกันมากขึ้นสำหรับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก




No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages