รพ.สมิติเวช ชลบุรี เปิดศูนย์ New You Clinic
ผ่าตัดแผลเล็ก ลดเสี่ยง ฟื้นตัวเร็ว
พญ.ภิรญา ใจดีเจริญ แพทย์ประจำศูนย์ส่งเสริมสุขภาพและศูนย์ New You Clinic โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรีเปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ ประมาณว่าคนไทยจะมีอายุยืนยาวกว่า 80 ปีขึ้นไป เนื่องจากประเทศไทยมีสีสัน มีความหลากหลายในด้านอาหารและโภชนาการโดยเฉพาะทางภาคตะวันออก เรามีอาหารที่หลากหลาย เรามีอาหารพื้นบ้าน อาหารประจำจังหวัด รวมถึงอาหารทะเลที่ขึ้นชื่อเหล่านี้ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่กำลังเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก(WHO) พบว่าประเทศไทยมีประชากรที่อยู่ในภาวะโรคอ้วนหรือมีภาวะน้ำหนักเกินเป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน และสิ่งที่เกิดขึ้นกับโรคต่าง ๆ ที่ตามมาที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน ก็คือ เรื่องของโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเส้นเลือดสมองตีบและกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและที่น่ากลัวที่สุดคือเรื่องของโรคมะเร็ง ซึ่งภาวะอ้วนล้วนส่งผลต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาว สำหรับโรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรีได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของโรคอ้วนอันตรายจึงถือกำเนิด New You Clinic ขึ้น โดยหวังว่าให้ประชาชนที่สนใจ อยากจะเปลี่ยนตนเองเป็นคนใหม่ เมื่อเข้ามารับบริการที่ New You Clinic
พญ.ภิรญา กล่าวว่า ที่ New You Clinic โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี มีการรักษาในรูปแบบที่หลากหลาย เช่น 1.เรื่องของการใช้ยาโดยการใช้ยาฮอร์โมน เพื่อควบคุมความหิว โดยจะได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านต่อมไร้ท่อ โดยวิธีการในการรักษาโดยจะเป็นการใช้ยาควบคุม ลดการอยากอาหาร ลดอาหารได้น้อยลง 2.การใส่บอลลูน ซึ่งดูแลโดยอายุรแพทย์ระบบทางเดินอาหารและตับ ซึ่งวิธีการนี้จะเหมาะกับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัดหรือ BMI เท่ากับ 25 จนถึง 30 และ 3.ทางเลือกในการผ่าตัดส่องกล้องตัดขนาดกระเพาะอาหาร ซึ่งเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยศัลยแพทย์ผ่าตัดส่องกล้องแผลเล็ก (MIS) เป็นผู้ดูแล
“New You Clinic ถือเป็นทางเลือกและวิธีการที่หลากหลาย ซึ่งทุกคนที่ประสบปัญหาเรื่องของสภาวะอ้วนลงพุง น้ำหนักเกิน สามารถที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่ได้อย่างยั่งยืน โดยสามารถสอบถามถึงความต้องการและประสบการณ์และความต้องการในการลดน้ำหนัก โดยปกติผู้เข้ารับบริการทุกคน จะบอกถึงความต้องการที่จะลดน้ำหนัก ซึ่งทำให้เราได้ทราบว่าหลาย ๆ คน เคยผ่านวิธีการที่หลากหลายที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักมาแล้ว และได้มีเป้าหมายน้ำหนักที่ต้องการลดน้ำหนักอย่างแท้จริง รวมถึงความเป็นไปได้ถึงระยะห่างและเป้าหมายที่เขาต้องการ และจะดูวิธีการลดน้ำหนักที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล โดยเราจะเป็นที่ปรึกษาในการแนะนำในเรื่องของการใช้ปากกาลดน้ำหนัก การใช้ยาเพื่อควบคุมความหิว การแนะนำเรื่องของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหารและวิธีการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วนอย่างถาวร โดยผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน สิ่งที่เกิดขึ้นคือจะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เราเชื่อกันว่าคนที่มีน้ำหนักเกินจะเกิดการอักเสบของหลอดเลือดหลอดเล็ก ๆ มีการทำงานของฮอร์โมนที่ผิดปกติ เหล่านี้ยกตัวอย่างเช่น ท่านที่มีภาวะ PCOS หรือมีถุงน้ำในรังไข่หลาย ๆ ใบ ผู้หญิงเหล่านี้ ก็จะมีภาวะประจำเดือนมาผิดปกติ บางคนไม่มีประจำเดือนเลย หรือมีความพยายามที่จะมีบุตรแต่ก็ไม่สามารถทำได้ ปัจจุบันการผ่าตัดกระเพาะอาหารรักษาโรคอ้วนจะช่วยให้ฮอร์โมนต่าง ๆ กลับมาสู่ในความปกติ โดยที่ผ่านมาทางรพ.สมิติเวช ชลบุรี ได้ช่วยให้หลาย ๆ คนประสบความสำเร็จในเรื่องของการมีบุตร”พญ.ภิรญา กล่าว
พญ.ภิรญา กล่าวอีกว่า จุดมุ่งหมายของคลินิก New You Clinic รพ.สมิติเวช ชลบุรี คือต้องการที่จะให้ผู้มาใช้บริการ สามารถที่จะมาลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน ซึ่งปัจจุบันนี้การรักษาโดยวิธีเดียว อาจยังไม่เห็นผลดี หลาย ๆ คนอาจจะเห็นในเรื่องของน้ำหนักที่ค้างหรือน้ำหนักที่กลับมาอ้วนอีกเหมือนเดิม ซึ่งรพ.สมิติเวช ชลบุรี เรามีจุดมุ่งหมายอยากจะให้ผู้รับบริการสามารถอยากที่จะลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืน เราจึงมีการดูแลต่อเนื่อง หลังจากการทานยาหรือหลังจากการใส่บอลลูนและหลังจากการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร ซึ่งจะแตกต่างจากสถานพยาบาลแห่งอื่น ๆ โดยเราจะมีการตรวจนัดและตรวจติดตามภาวะของสารอาหารที่อาจจะขาด เรามีการนัดตรวจติดตามเรื่องของมวลกระดูก การตรวจติดตามเรื่องของภาวะโลหิตจาง รวมทั้งมีการเสริมในเรื่องของวิตามิน แร่ธาตุและสารอาหารต่าง ๆ ให้กับผู้รับบริการในระยะยาวตลอดระยะ 1 ปี สำหรับผู้ที่สนใจจะเปลี่ยนตนเองเป็นคนใหม่ และมีภาพลักษณ์ใหม่อย่างยั่งยืน สามารถที่จะติดต่อสอบถามได้ที่ New You Clinic โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี... “New You Clinic เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ ในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม ที่สมิติเวช ชลบุรี” สอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์ 033-038-8888
ด้าน นพ.พลเดช วิชาจารย์ ศัลยแพทย์ผ่าตัดผ่านกล้อง (MIS) รักษาโรคอ้วน ศูนย์ New You Clinic โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี กล่าวว่า วิธีการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ เพราะในต่างประเทศก็มีมาเกิน 50 ปีแล้ว ในประเทศไทยก็ดำเนินการผ่าตัดมาเกิน 20 ปีแล้ว เพียงแต่ว่ายังอยู่ในวงจำกัด เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนเราจะมองกันว่าการผ่าตัดจะต้องอ้วนมาก ๆ หรือมีภาวะของโรคที่แทรกซ้อนหรือเสี่ยงมาก ๆ และจะต้องผ่าตัดใหญ่แบบเปิดหน้าท้อง ดังนั้นสถานที่ในการผ่าตัดจึงต้องกระจุกอยู่ในเฉพาะสถานที่ ๆ มีศักยภาพบางแห่งเท่านั้น แต่ในปัจจุบันในเรื่องของการพัฒนาของเทคโนโลยี มีการเตรียมและให้คำแนะนำผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงมีเทคนิคการผ่าตัดรูปแบบใหม่ ๆ ทำให้มีความปลอดภัยมากขึ้น การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารจึงเป็นการรักษาโรคร่วมที่มากับโรคอ้วน เช่น โรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ ไขมันพอกตับหรือแม้แต่บางคนก็สภาวะเกี่ยวกับการมีภาวะมีบุตรยาก ก็ยังรักษาได้ด้วย
วิธีการผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารในอดีตจะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ 1.การลดขนาดของกระเพาะ เพื่อลดปริมาณอาหารที่เราบริโภค และ2.ลดการดูดซึมโดยการตัดต่อลำไส้ เพื่อให้ลดอาหารที่รับประทานเข้าไป โดยไม่ได้ผ่านลำไส้ส่วนที่ดูดซึมสารอาหารเข้าไป เพราะฉะนั้นก็จะลดการดูดซึมเข้าไปด้วย แต่ปัจจุบันเทคนิคที่เรานิยมทำกันมาก และไม่ได้มีความซับซ้อนมากและก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนระบบทางเดินอาหารของผู้ป่วยมากนัก คือการผ่าตัดแบบสลีฟ คือการตัดกระเพาะอาหารเป็นท่อขนาดเล็ก เพื่อลดปริมาณอาหารที่รับประทาน ซึ่งทำให้ลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว และช่วยลดเรื่องโรคร่วมที่มากับโรคอ้วนได้ นอกจากนี้การผ่าตัดยังไปไกลกว่าแบบสลีฟ ปกติ มีการเพิ่มในส่วนของการผ่าตัดแบบบายพาสร่วมเข้าไปด้วย ซึ่งเป็นเทคนิคใหม่ โดยอาหารยังคงผ่านลำไส้เล็กส่วนต้น (โดยแบบเดิมนั้น อาหารยังไม่ได้ผ่านลำไส้เล็กส่วนต้น เพราะฉะนั้นเมื่อก่อนอาจจะมีปัญหาเรื่องการขาดวิตามิน แต่ปัจจุบันเมื่อมีการผ่าตัดแบบบายพาส ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการขาดวิตามิน และลดน้ำหนักได้ดีขึ้น)
นพ.พลเดช กล่าวว่า โดยปกติการผ่าตัดกระเพาะอาหารในแต่ละเทคนิค ก็จะมีภาวะแทรกซ้อนที่แตกต่างกันไป แต่ปัจจุบันการผ่าตัดแบบสลีฟร่วมกับแบบบายพาส จะเป็นประโยชน์ในเรื่องการรับประทานอาหารเข้าไป ลดการดูดซึมโดยที่ไม่เสียในส่วนของการดูดซึมวิตามินจากลำไส้เล็กส่วนต้น การเลือกผู้ป่วยเพื่อที่จะทำหัตการแบบไหนนั้น จึงมีหลายปัจจัย เริ่มต้นจากการชั่งน้ำหนักตั้งต้น และผู้ป่วยต้องการที่จะลดน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน หากไม่ได้อ้วนมากจริง ๆ การผ่าตัดแบบสลีฟก็จะได้ผลในการลดน้ำหนักได้ดี แต่หากอ้วนมากกว่านั้น ก็จะมีปัญหาเรื่องของการควบคุมเบาหวานที่จะควบคุมได้ยาก การผ่าตัดแบบบายพาสร่วมด้วย ก็สามารถที่จะลดน้ำหนักและรักษาเบาหวาน ก็จะได้ผลดีกว่าผ่าตัดแบบสลีฟอย่างเดียว การติดตามผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมาย การผ่าตัดกระเพาะอาหารเป็นเหมือนจุดเริ่มต้น เพียงแต่ว่าอาจจะมีข้อต้องพิจารณาบางอย่าง เช่น หากต้องการที่จะผ่าตัดด้วยวิธีทำบายพาสเพื่อลดน้ำหนักด้วย แล้วก็มีปัญหาโรคนิ่วในถุงน้ำดี ด้วย เราก็สามารถทำการผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดีไปพร้อมกันได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวของผู้ป่วยแต่ละคนเป็นหลัก
ด้านนพ.ปารินทร์ ศิริวัฒน์ อายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหาร ศูนย์ New You Clinic โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรี กล่าวว่า สิ่งที่รพ.สมิติเวช ชลบุรี กำลังดำเนินการคือให้ผู้รับบริการสามารถที่จะลดน้ำหนักอย่างถูกต้องอย่างยั่งยืน แล้วก็ไม่กลับมาอ้วนอีก โดยมีวิธีการและมีทางเลือกต่าง ๆให้กับลูกค้า โดยเราจะมีวิธีการมีทางเลือกต่าง ๆ มากมายให้กับผู้รับบริการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาในเริ่มต้นทำการรักษาหรือการใช้ฮอร์โมน เพราะว่าคนที่มีน้ำหนักเยอะๆ เราเชื่อว่าเขาจะมีต่อมรับรส ที่ทำให้รู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา คนที่มีน้ำหนักมาก ๆ ต่อมจะทำงานมากกว่าคนทั่ว ๆไป เรียกว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วนและเมื่อมีน้ำหนักเยอะ ก็จะเป็นอุปสรรคในการออกกำลังกาย เช่น ทำให้ไม่สามารถวิ่งได้ วิ่งแล้วก็จะมีอาการปวดเข่า หรือเหนื่อยง่าย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องใช้วิธีการที่หลากหลายเข้าช่วย ในส่วนของการใส่บอลลูนนั้น โรงพยาบาลสมิติเวช ชลบุรีมีจุดเด่นตรงที่เราจะนัดผู้ป่วยมาเพื่อใส่บอลลูน แล้วให้มีการนอนโรงพยาบาลจำนวน 1 คืนเพื่อสังเกตอาการหลังจากใส่ลูกบอลลูนไปแล้ว ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นในช่วง 3 วันแรก จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน โดยร่างกายจะมีความรู้สึกว่ามีก้อนกลม ๆอยู่ในกระเพาะ เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ ดังนั้นผู้ป่วยมักจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน บางคนปวดจุกท้องในช่วง 2-3 วันแรก แต่ว่าอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไป ค่อย ๆ ลดลง แล้วก็จะหายไปจนเกือบเป็นปกติ แต่อาจจะต้องมีการกินยาเฉพาะ เช่น ยาลดกรด หรือยาแก้ปวดท้องในระหว่างที่ใส่ลูกบอลลูนในกระเพาะอาหาร
การลดน้ำหนักโดยการใส่บอลลูน จะมีตัวซิลิโคนที่ออกแบบมาอย่างดี เพื่อป้องกันกรดในกระเพาะอาหารและป้องกันการย่อยของน้ำย่อยของน้ำดีในกระเพาะอาหาร แต่อาหารบางอย่างก็ควรหลีกเลี่ยง เช่น กระดูกหมู ก้างปลา ถึงแม้ว่าบอลลูน จะมีตัวซิลิโคนที่ถูกออกแบบมาให้ป้องกันได้เป็นอย่างดี แต่ก็อาจมีการรั่วของตัวซิลิโคนได้ เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ทำการใส่บอลลูน เราไม่แนะนำให้ให้กินอาหารแบบนี้อยู่แล้ว
No comments:
Post a Comment