ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าสวนนายก “อิ๊งค์” ชี้กวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยแก้ปัญหา - Thailand Times

Breaking



Post Top Ad

Friday, 28 February 2025

ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าสวนนายก “อิ๊งค์” ชี้กวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยแก้ปัญหา

ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าสวนนายก “อิ๊งค์” ชี้กวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยแก้ปัญหา

เสนอรัฐบาลออกกฎหมายควบคุม พร้อมทวงสัญญาช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

นายสาริษฏ์ สิทธิเสรีชน เจ้าของเพจ “มนุษย์ควัน” และตัวแทนผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ให้ความเห็นกรณีนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร สั่งการให้ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เร่งดำเนินการกวาดล้างบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมพิจารณาแก้ไขกฎหมายให้มีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้น โดยนายสาริษฏ์เห็นว่าการแบนไม่เคยได้ผล และเสนอให้รัฐบาลใช้แนวทางการควบคุมผ่านกฎหมายตามแนวทางของ กมธ.วิสามัญบุหรี่ไฟฟ้าและความเห็นที่นายก อิ๊งค์ เคยพูดไว้ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง


“นโยบายแบนบุหรี่ไฟฟ้าเป็นนโยบายที่ผิดพลาดและไม่สามารถแก้ปัญหาการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนได้จริง ประเทศไทยจึงควรมีบทเรียนจากระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาว่าการแบนบุหรี่ไฟฟ้ายิ่งทำให้เกิดปัญหามากขึ้น ทั้งการเข้าถึงของเยาวชน ตลาดซื้อขายใต้ดิน การทุจริตคอรัปชั่นของเจ้าหน้าที่ที่เรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจสีเทาที่จำหน่ายและลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าตามที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ นี่คือบทพิสูจน์ว่าการแบนไม่ได้ผล และถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลควรคิดใหม่ ทำใหม่ หันมาใช้แนวทางการควบคุมที่มีประสิทธิภาพแทน” นายสาริษฏ์กล่าว


นายสาริษฏ์ได้อ้างอิงข้อมูลจากองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (US FDA) ซึ่งเผยแพร่ในเดือนกันยายน 2567 โดยระบุถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้ยาสูบในเยาวชนแห่งชาติสหรัฐฯ (NYTS) พบว่า อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนลดลงจาก 2.13 ล้านคน (7.7%) ในปี 2566 เหลือ 1.63 ล้านคน (5.9%) ในปี 2567 โดยเฉพาะในกลุ่มนักเรียนมัธยมปลายที่ลดลงจาก 1.56 ล้านคน เหลือ 1.21 ล้านคน ซึ่งเป็นผลจากการควบคุมและออกกฎหมายที่เหมาะสม


“ตัวอย่างจากสหรัฐอเมริกาชี้ให้เห็นว่า หากรัฐบาลจริงจังกับการปกป้องเยาวชนจากบุหรี่ไฟฟ้า ควรออกกฎหมายควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นตลาดมืดที่ไร้การกำกับดูแล ซึ่งสุดท้ายแล้วอาจสร้างปัญหามากกว่าเดิม เห็นได้จากข่าวสั่งปราบปรามซึ่งมีทุกรัฐบาล แต่ก็ไม่เคยปราบปรามได้จริง” นายสาริษฏ์กล่าว


นายสาริษฏ์ยังกล่าวถึงแนวทางของรัฐบาลเพื่อไทยที่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล เช่น การแก้ไขพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่จะยกเลิกเวลาห้ามขาย การผลักดันให้คาสิโนถูกกฎหมาย หรือการนำเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดิน เพื่อให้ควบคุมกำกับดูแลได้ง่ายขึ้น


“เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งในปี 2562 นายกฯ แพทองธารและอดีตนายกฯ เศรษฐา ก็มีจุดยืนสนับสนุนให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย อยากให้รัฐบาลกลับมาทบทวนจุดยืนของตัวเอง และพิจารณาแนวทางที่สามารถแก้ปัญหาได้จริงมากกว่าสั่งการตามกระแสข่าวในสังคม ซึ่งขณะนี้ กมธ. วิสามัญบุหรี่ไฟฟ้าได้จัดทำรายงานเรียบร้อยแล้วรอเสนอต่อสภาฯ ซึ่งกมธ. เสียงส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับการให้แบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป เพราะเชื่อว่าการห้ามที่ผ่านมา 10 ปี ไม่ได้ผล”


นอกจากนี้ นายสาริษฏ์ได้ระบุถึงว่าประเทศไทยมักจะอ้างการดำเนินการตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่บอกว่าประเทศรายได้ต่ำและปานกลางอย่างเรา ควรจะแบนบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป ซึ่งเป็นการดูถูกคนไทยทั้งประเทศ มาตรการของ WHO ไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับ จะเห็นได้ว่ากว่า 80 ประเทศทั่วโลกที่เป็นสมาชิกของ WHO ก็ไม่ได้แบนบุหรี่ไฟฟ้า WHO นั้นมีปัญหาความโปร่งใสในการทำงาน ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของคนบางกลุ่ม ขาดการมีส่วนร่วม สมควรต้องปฎิรูปขนานใหญ่ หากไทยยังเดินตาม WHO ต่อไป ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าก็ยังถูกปล่อยให้ระบาดผ่านตลาดมืดโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่เหมาะสม อาจกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทยในระดับนานาชาติ


“ที่ผ่านมาไม่มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูบบุหรี่เกือบ 10 ล้านคนอย่างพวกเราที่เพียงแค่ต้องการหาผลิตภัณฑ์มาทดแทนการสูบบุหรี่ ทำให้นโยบายควบคุมยาสูบของประเทศไทยสุดโต่ง อนุรักษ์นิยมและอคติกับผู้สูบบุหรี่ ปิดกั้นทางเลือกของผู้บริโภคมาโดยตลอด หากครั้งนี้ รัฐบาลจะยังคงใช้ยึดแนวทางการแบนเช่นเดิม รัฐบาลอาจต้องเผชิญกับคำถามจากประชาคมโลกว่าเหตุใดประเทศไทยจึงยังไม่สามารถแก้ปัญหาตลาดมืดได้ รวมถึงไม่สามารถลดปัญหาการสูบบุหรี่ของประเทศได้ทั้งๆ ที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของ WHO มาโดยตลอด จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยทบทวนนโยบายและหาทางออกที่ยั่งยืนกว่าการสั่งการปราบปรามไปวันๆ ”

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad


Pages